บาคาร่าเว็บตรง April Fool’s Day คืออะไร ประวัติของวันโกหก ทำไมต้อง 1 เม.ย.

บาคาร่าเว็บตรง April Fool’s Day คืออะไร ประวัติของวันโกหก ทำไมต้อง 1 เม.ย.

บาคาร่าเว็บตรง April Fool’s Day คืออะไร เริ่มครั้งแรกเมื่อไหร่ และทำไมต้องตรงกับ 1 เม.ย. ของทุกปี มาย้อนชมประวัติ April Fool’s Day หรือวันโกหกได้ที่นี่ จุดเริ่มต้นของ April Fool’s Day วันโกหก หรืออีกชื่อหนึ่งคือ วันเมษาหน้าโง่ เกิดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส ยุคศตวรรษที่ 16 ขณะนั้นวันปีใหม่ของชาวฝรั่งเศส จะตรงกับวันที่ 1 เมษายน จนเมื่อ ค.ศ.1562 โป๊ป เกรกอรี จึงกำหนดให้ชาวคริสต์ทั่วโลกฉลองวันปีใหม่พร้อมกันในวันที่ 1 มกราคม และก็เป็นเช่นนั้นมาจวบจนปัจจุบัน

ซึ่งในยุคสมัยที่ยังไม่มีอินเทอร์เน็ต การกระจายข่าวสารยังไม่ทั่วถึง 

คนชนบทในฝรั่งเศสยังไม่ทราบเรื่องการเปลี่ยนวันปีใหม่ บางคนทราบข่าวแล้วแต่ก็ยังไม่เชื่อ ทำให้พวกเขายังคงเฉลิมฉลองในวันที่ 1 เม.ย. เหมือนเดิม ทำให้คนฝรั่งเศสในเมือง หรือคนที่รู้เท่าทันข่าวสาร ล้อเลียนคนกลุ่มนี้ มากไปกว่านั้นยังพยายามจะหาเรื่องแกล้งเพื่อความสนุกสนานอีกด้วย

ดังนั้น วันที่ 1 เม.ย. ของทุกปี ก็เลยกลายเป็นวันที่ผู้คนจะแต่งเรื่องอะไรก็ได้มาแกล้งหลอกกันให้คนอื่นหลงเชื่อ จากนั้นค่อยเฉลย ซึ่งเรื่องที่เอามาหลอกนั้น จะต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายถึงกับเลือดตกยางออก และคนที่ถูกหลอกจะต้องไม่โกรธด้วย เพราะถือว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ ยกเว้นให้หนึ่งวัน

อีกแนวคิดหนึ่งเล่าว่า ประวัติของวันโกหก เริ่มจากพวกโรมันโบราณมีเทศกาลที่เรียกว่า “Cerealia” จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Prosperpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อนเนี่ย เป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง

นอกจากนี้ก็มีเรื่องที่ว่า วันโกหกเกิดจากช่วงฤดูใบไม้ผลิมีคำกล่าวที่ว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวจะออกตามหาความรักและเป็นช่วงที่พืชเจริญเติบโต สัตว์ต่างๆ หาคู่ด้วยและในเดือนนี้ (เมษายน) พวกนักบวชจะพยายามหลอกล่อวิญญาณของความชั่วร้ายอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มันมาขัดขวางความรักของทั้งหนุ่มสาว พืช และสัตว์ ดังนั้นจึงเป็นเดือนที่นักบวชจะต้องสวดเพื่อล่อวิญญาณร้ายซึ่งวิธีนี้เริ่มขึ้นในอเมริกา และเผยแพร่ไปที่อังกฤษ และลามเข้าไปในประเทศอื่นๆ

กทม. ได้ทำการประสานงานหน่วยงานที่มีส่วนในการเร่งตรวจสอบ ไฟรั่ว สะพานลอยปากซอยบรมราชชนนี 68 เบื้องต้นไม่ได้มาจากสายไฟแต่อย่างใด กทม. ได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรณี ไฟรั่ว บริเวณ สะพานลอยปากซอยบรมราชชนนี 68 ในเบื้องต้นไม่พบการรั่วไหลจากสายไฟของทางการไฟฟ้าแต่อย่างใด คาดว่ามาจากไฟฟ้ากระแสแรงต่ำในของระบบสายสื่อสาร ทั้งนี้ได้มีการประสานงานเพื่อทำการแก้ไขต่อไป

ในเชิงรายละเอียดนั้น ได้มีการเผยแพร่เรื่องราวของกรณีราวสะพานลอยคนเดิน ปากซอยบรมราชชนนี 68 มีไฟฟ้ารั่ว โดยได้มีการติดป้ายเตือนถึงกรณีดังกล่าว ผ่านทางช่องทางเพจเฟซบุ๊ค JS100 และ ขาเกือบพลิก ซึ่งทาง กทม. ได้รับทราบเรื่องดังกล่าว และได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบ

ในเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงเข้าดำเนินการตรวจสอบ แจ้งว่าไม่พบไฟฟ้ารั่วจากสายของการไฟฟ้า สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นไฟกระแสแรงต่ำในระบบของสายสื่อสาร ซึ่งก็ได้มีการแจ้งประสานหน่วยซ่อมให้ทำการดำเนินการตรวจสอบเพื่อทำการแก้ไขต่อไป นอกจากนี้แล้ว ทาง กทม. ได้ประสานแขวงทางหลวงธนบุรี กรมทางหลวง ในการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนที่ใช้งานสะพานลอยดังกล่าว

โฆษก รบ. ยันรัฐบาลไม่มีแนวคิด ขึ้น VAT

โฆษกรัฐบาลออกมายืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิด ขึ้น VAT ยืนยันว่าจะยังคงตัวอยู่ที่ 7% ตามเดิม  เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันรัฐบาลยังไม่มีแนวคิดในการปรับภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมเปิดเผยว่า ครม. เมื่อวันที่ 25 ส.ค.2563ให้คงการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7สำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีที่เข้าลักษณะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม รายการที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563-วันที่30 ก.ย.2564

เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ซึ่งอัตราส่วน 1 ใน 9 ของภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นจะถูกโอนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมาย และการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ด้านเศรษฐกิจ ไม่เป็นภาระแก่ประชาชนเกินจำเป็น และช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

โดยนายอนุชากล่าวว่า ประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ร้อยละ 10 ตามประมวลรัษฎากร ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงจากระบบภาษีการค้ามาเป็นระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อปี 2535 แต่ได้มีการบรรเทาลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกาลดภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือร้อยละ 7 เป็นระยะๆ จะมีก็แต่เพียงในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เท่านั้นที่มีการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นร้อยละ 10

พร้อมให้ข้อมูลอีกว่า ในแต่ละประเทศมีอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างกันไป อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม และญี่ปุ่น จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่อัตราร้อยละ 10 สิงคโปร์จัดเก็บที่ร้อยละ 7 มาเลเซียจัดเก็บที่ร้อยละ 6 โดยไทยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ร้อยละ 7 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะด้านเศรษฐกิจ

สำหรับคนต่างด้าวที่ทำงานกิจการประมงทะเล ต้องไปทำหนังสือคนประจำเรือ หรือ Sea book ณ กรมประมง เป็นขั้นตอนสุดท้าย โดยมีค่าธรรมเนียม 100 บาท และเมื่อกรมประมงพิจารณาเรียบร้อยแล้วจะได้รับหนังสือคนประจำเรือ เป็นหลักฐานใช้คู่กับบัตรสีชมพูในการอยู่และทำงานในประเทศ บาคาร่าเว็บตรง